“เวลา” เป็นสิ่งที่มีค่าและเป็นทรัพยากรที่จำกัด เนื่องจากไม่สามารถย้อนเวลากลับไปจัดการสิ่งต่าง ๆ ได้ และมักจะมีบ่อยครั้งที่ได้ยินคนบ่นว่า ไม่มีเวลา ทั้งที่ไม่มีใครมีเวลามากกว่าหรือน้อยกว่า 24 ชั่วโมง ทุกคนมีเวลาเท่า ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นวันนี้ วันพรุ่งนี้ หรือจะเป็นวันไหนก็ตาม แต่ที่ไม่เท่ากันคือ การจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งผู้ที่จัดระบบความคิด จัดระเบียบชีวิตได้ดี จะรู้จักแบ่งเวลาได้อย่างเหมาะสม เพราะจะช่วยให้ระบบชีวิตในแต่ละวันมีแบบแผนมากยิ่งขึ้น ช่วยให้บรรลุเป้าหมายในแต่ละวันได้ง่ายขึ้น ในขณะที่คนบริหารเวลาไม่เป็นมักจะพลาดโอกาสในการสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างน่าเสียดาย
การจัดระเบียบเวลาและใช้ให้คุ้มค่า จะได้ไม่รู้สึกเสียดายเมื่อมองย้อนกลับมา เพราะฉะนั้นเรามาวางแผนการบริหารเวลากันดีกว่า เพื่อให้ประสบความสำเร็จในเป้าหมายควบคู่ไปกับการดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข
1. วางแผนในแต่ละวัน
การจะสำเร็จทุกอย่างในชีวิต เริ่มจากความคิดที่เป็นระเบียบ ด้วยการวางแผนก่อนเริ่มต้นวันใหม่ในแต่ละวัน ซึ่งอาจลิสต์รายการที่ต้องการจะทำไว้ล่วงหน้า หรือหลังตื่นนอนในวันนั้นเลย แล้วแต่ความสะดวกของรายบุคคล โดยวางแผนว่ามีเป้าหมายที่จะทำในแต่ละวันว่ามีอะไรบ้าง โดยเริ่มจากสิ่งสำคัญและเร่งด่วนมากที่สุดก่อน เพราะสมองและร่างกายจะมีพลังมากที่สุดหลังจากได้รับการพักผ่อนมาแล้วตลอดคืน เช่น มีนัดประชุม ตรวจสอบเอกสาร หัวข้อ และอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการประชุม หรือวางแผนจะมีสุขภาพที่ดี ก็วางแผนและเขียนจะกินอาหารที่มีประโยชน์อย่างไร ออกกำลังกายอย่างไรในวันนี้ และเมื่อจบวันก็นำแผนที่วางไว้มาเปรียบเทียบกับผลที่เกิดขึ้นจริง ว่าได้ทำตามแผนครบทุกอย่างหรือไม่ มีอะไรที่ปรับเพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้อีกบ้าง
2. ตื่นเช้าให้มากขึ้น เพื่อจะได้มีเวลาทำกิจกรรมได้มากขึ้น
หลายคนคงรู้ดีอยู่แล้วว่าการตื่นตอนเช้าหลังจากได้นอนหลับเต็มอิ่มมีประโยชน์อย่างไร ซึ่งนอกจากช่วยให้มีสมาธิดี อารมณ์สดชื่น สมองตื่นตัวที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ยังทำให้มีเวลายาวนานขึ้นสำหรับจัดการสิ่งต่าง ๆ หรือสิ่งที่ต้องการจะทำ หรือแม้แต่สิ่งที่ทำคั่งค้างไว้ ได้นำมาทำต่อจนบรรลุเป้าหมาย และอาจยังมีเวลาได้ทำกิจกรรมใหม่ ๆ นอกเหนือเป้าหมายที่ตั้งไว้ก่อนจะหมดวัน เป็นการใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่า
3. ตารางจัดระเบียบชีวิต
เริ่มต้นจัดตารางด้วยสิ่งที่สำคัญและควรทำก่อน พร้อมกับกำหนดระยะเวลาเสร็จสิ้นของงานไว้ล่วงหน้า เพื่อจะได้จัดตารางเวลาในกิจกรรมอื่น ๆ ได้อย่างเหมาะสม โดยระบุในตารางเริ่มตั้งแต่หลังตื่นนอน ว่ามีสิ่งใดทีต้องทำ และเรียงลำดับไป 1 , 2 , 3 …จนครบเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ โดยไม่ลืมกำหนดระยะเวลาไว้กำกับ เพื่อเตือนความจำและยังช่วยให้บริหารเวลาได้อย่างเป็นระบบ
4. เรียงลำดับความสำคัญก่อน-หลัง
ในแต่ละวันมักจะมีกิจกรรมมากมายที่ต้องทำ รวมไปถึงเรื่องราวและปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเข้ามาให้จัดการและแก้ไขอย่างกระทันหัน จึงต้องทำการแยกแยะว่าเรื่องไหนสำคัญและเร่งด่วน แล้วค่อยไล่ทำเรื่องสำคัญรองลงมาเรื่อย ๆ ไม่ควรไปเสียเวลากับเรื่องที่ไม่สำคัญ และถ้าไม่เป็นประโยชน์ใด ๆ ก็ควรตัดทิ้ง โฟกัสแต่สิ่งสำคัญ จะช่วยบรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้น
5. จัดสรรเวลาสำหรับพักผ่อนบ้าง
แม้ว่าการทุ่มเทให้กับการทำงาน และมุ่งสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้นั้นจะเป็นเรื่องดี แต่ต้องไม่ลืมว่าร่างกายและจิตใจของเรานั้นก็ต้องการพักผ่อน เพื่อลดความตึงเครียด และเป็นการชาร์จพลังงานเพื่อพร้อมในกิจกรรมใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเยียวยาจิตใจและร่างกายจึงเป็นสิ่งสำคัญไม่ต่างจากเป้าหมายเช่นกัน แทนที่จะหมกมุ่นอยู่แต่กับการทำงาน ควรพาตัวเองออกไปเที่ยวเพื่อพักผ่อนบ้างในวันหยุด ทำกิจกรรมที่ชอบหรือสนใจแต่ไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ทำ เพราะมัวแต่โฟกัสกับการทำงาน เช่น การไปปีนเขา ตั้งแคมป์ ล่องเรือ เที่ยวต่างจังหวัด ชมพิพิธภัณฑ์ เดินเล่น เที่ยววัด หรือการได้ไปนั่งคาเฟ่สวย ๆ ปล่อยอารมณ์ไปกับการจิบเครื่องดื่มอร่อย ๆ เป็นต้น ได้เปลี่ยนบรรยากาศ ให้สถานที่ใหม่ ๆ ให้ธรรมชาติฟื้นฟูจิตใจและร่างกาย ทำให้กลับมาทำงานอย่างมีพลังและสดชื่นสดใสขึ้นอย่างแน่นอน
6. ยอมรับความจริงหากไม่เป็นไปตามแผน
ถึงแม้ว่าจะมีการจัดระเบียบชีวิตประจำวันเป็นอย่างดี แต่ทุกสิ่งสามารถเกิดขึ้นได้ เพราะความไม่แน่นอนเป็นสิ่งที่แน่นอนกว่า ดังนั้น ต่อให้มีวิธีการทำงานให้เป็นระเบียบแค่ไหน แต่ถ้ามันจะผิดแผนบ้าง หรือส่งผลกระทบกับคุณ เช่น มีนัดประชุมงานกับลูกค้าแต่ถูกลูกค้ายกเลิก แน่นอนว่าทำให้คุณต้องเสียเวลาในการเตรียมเอกสาร และจัดสรรเวลาเพื่อการประชุม ทำให้กระทบกับแผนอื่น ๆ ที่วางไว้ ก็ต้องพยายามทำใจยอมรับ และปรับเปลี่ยนเวลากับกิจกรรมอื่น ๆ ให้ได้อย่างรวดเร็ว ก็จะช่วยลดความเสียหายจากผลกระทบต่องานอื่น ๆ น้อยลง ทำให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข เพราะไม่ต้องไปมัวแต่เสียเวลาและเสียความรู้สึกอยู่กับปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว
แม้ว่าบทความนี้จะมุ่งเน้นในการบริหารจัดการเวลา (Time Management) เพื่อช่วยให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายได้มากขึ้น แต่การปรับตัวได้ดีกับปัญหาหรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด รวมไปถึงการจัดการอารมณ์และความรู้สึกตัวเองได้ดีเมื่อผลที่ได้ไม่เป็นไปตามที่ตั้งไว้สำคัญกว่า เพราะจะช่วยให้คุณดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขและสามารถบรรลุเป้าหมายได้เช่นกัน