หายจากโควิดแล้วแต่ยังมีอาการไอ สามารถแพร่เชื้อให้คนอื่นได้ไหม

จะมีการถอดโควิด-19 จากโรคติดต่ออันตราย แล้วย้ายไปอยู่ในหมวดโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 โดยมีผลวันที่ 1 ตุลาคม 2565 ที่จะถึงนี้แล้ว แต่ก็อาจยังมีอีกหลายคนที่สงสัยว่าคนที่เคยติดโควิด19 แม้จะหายป่วยแล้ว แต่ยังมีอาการไอเรื้อรัง แถมลากยาวไม่หายเสียที ทำให้ห่วงว่าเชื้อโควิดลงปอดไหม หรือเป็นเพียงแค่อาการลองโควิด (Long Covid) เท่านั้น และถ้ายังไออยู่จะสามารถแพร่เชื้อให้คนอื่นได้ไหม โดยเฉพาะเมื่อต้องกลับไปทำงานในห้องแอร์ที่เป็นระบบปิด เรามาหาคำตอบพร้อมกันเลยดีกว่า 

อย่างที่รู้กันดีว่าโรคระบาดโคโรนาไวรัสเป็นโรคติดต่อทางระบบทางเดินหายใจ และการไอนั้นเป็นสัญลักษณ์อันเด่นชัดของอาการติดเชื้อโควิด19 และการไอนั้นก็ยังเป็นวิธีการกำจัดเชื้อโรคออกจากร่างกาย ต่อเนื่องมาจากการต่อสู้ของระบบภูมิคุ้มกัน และการต่อสู้ระหว่างภูมิคุ้มกันกับเชื้อโรคนี้เอง ที่ส่งผลให้เนื้อเยื่อในระบบทางเดินหายใจเกิดอาการอักเสบและบวมขึ้นมา โดยอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ หายไป เมื่อเชื้อโควิดเริ่มพ่ายแพ้และอ่อนแรง แต่บางคนที่ไม่โชคดีมากนัก เพราะว่าการอักเสบที่ว่ายังคงอยู่ในร่างกาย ทำให้ยังคงมีอาการระคายคอและไอเรื้อรังอยู่นั่นเอง 

สำหรับใครที่สงสัยว่าอาการไอเรื้อรังที่ตนเป็นอยู่นี้ คือ อาการลองโควิดหรือไม่ ซึ่งจากการดูสถิติของภาวะและอาการลองโควิด พบว่า การไอเรื้อรัง ก็เป็นอีกหนึ่งในอาการของผู้ป่วยลองโควิดเช่นกัน ซึ่งเป็น 19% ด้วยกันที่ผู้เป็นลองโควิดจะมีอาการไอต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ หรืออาจนานถึง 180 วัน แม้ว่าจะหายจากการเป็นโควิดแล้วก็ตาม 

ไอเรื้อรังเสี่ยงเชื้อโควิดลงปอดหรือไม่ 

สำหรับผู้ที่เคยติดโควิด19 และรักษาจนหายแล้วในบางราย อาจยังมีรอยต่อของโรคเนื่องมาจากการอักเสบของบริเวณปอดได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยโควิดสายพันธุ์เดลตา ที่มีอัตราเสี่ยงต่อการเกิดบาดแผลในปอด หรือความผิดปกติอื่น ๆ ที่เป็นสาเหตุให้เกิดการไอเรื้อรัง แต่นั่นก็ไม่บ่งบอกได้ชัดเสียทีเดียวว่าจะทำให้มีเชื้อลงปอดหรือไม่ ดังนั้นจะต้องสังเกตอาการของตนเองว่ามีลักษณะของอาการเชื้อลงปอดดังต่อไปนี้ร่วมด้วยหรือไม่ 

อาการเชื้อโควิดลงปอด

  • อาการหอบ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย แม้แทบจะไม่ได้ทำกิจกรรมที่ออกแรงก็ตาม 
  • หายใจไม่สุด หายใจไม่เต็มปอด หรือรู้สึกหายใจลำบาก 
  • เจ็บ จุก และแน่นหน้าอก 
  • มีไข้สูงกว่า 37.5 ํC 
  • มีอาการไอ ไอแห้ง หรือ ไอมีเสมหะ 

ใครที่กังวลว่าตนจะมีอาการของเชื้อลงปอด เพราะไอเรื้อรังไม่หายเสียที หากไม่มีอาการที่กล่าวมาข้างต้น และมีการรักษาโควิดหายแล้ว ก็จะเป็นไปได้ยากที่จะมีเชื้อลงปอดอีก นอกเสียจากว่าจะติดเชื้อรอบใหม่ และถ้าภูมิคุ้มกันในร่างกายสู้ไม่ไหว จนมีอาการป่วยรุนแรงกว่าเดิม อันนี้ก็ต้องมาลุ้นกันอีกที และจะให้ดีรีบไปหาหมอให้เร็วที่สุดจะดีกว่า เพราะอาจเกี่ยวเนื่องกับโรคอันตรายอื่น อย่าง การติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่  

หายจากโควิดแต่ยังไอเรื้อรัง แพร่เชื้อให้คนอื่นได้ไหม 

แน่นอนว่าใครที่ไอเรื้อรัง ไอนาน ไอทน ไอจนน่ารำคาญแล้วยังต้องกังวลว่าตนจะแพร่เชื้อให้คนอื่น หากรักษาหายแล้วแน่นอน เชื้อโควิดในร่างกายจะอ่อนลงหรือกลายเป็นซากเชื้อที่แพร่กระจายต่อไม่ได้ ส่วนอาการไอจากภาวะลองโควิดก็ไม่ได้แพร่เชื้อเช่นกัน เพราะเป็นเพียงอาการข้างเคียงของร่างกายที่ตอบสนองกับเชื้อไวรัส ที่ยังไม่ได้กลับสู่สภาวะปกติ 100% เท่านั้น ไม่ใช่อาการไอที่เกิดจากการมีเชื้อไวรัสอยู่

วิธีบรรเทาอาการไอ 

เสียงไอนอกจากจะสร้างความรำคาญและความหวั่นวิตกให้กับผู้อื่นแล้ว ยังเป็นการสร้างความรำคาญและส่งผลต่อชีวิตของผู้ไออย่างมากเช่นกัน เพราะกว่าอาการลองโควิดจะหายขาดก็ต่อเมื่อร่างกายผ่านการฟื้นฟูอย่างเต็มที่ ซึ่งไม่สามารถรู้ได้เลยว่าต้องใช้ระยะเวลาเท่าไร แต่การยับยั้งและการบรรเทาอาการไอก็มีอยู่บ้าง เพราะเราเข้าใจว่าเมื่อเวลาที่ต้องไอนาน ๆ นั้นทรมานแค่ไหน เราจึงมีวิธีช่วยบรรเทาอาการไอมาฝากดังนี้ 

  • จิบน้ำอุ่นหรือน้ำอุณหภูมิห้องบ่อย ๆ 
  • ชงน้ำผึ้งด้วยน้ำอุ่น แล้วจิบบ่อย ๆ 
  • หลีกเลี่ยงน้ำเย็นและของเย็นทุกชนิด 
  • ใช้สเปรย์พ่นคอ ยาอมบรรเทาอาการไอ หรือลูกอม เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในลำคอ
  • หากมีอาการไอหนัก ไอถี่ รับประทานยาแก้ไอที่มีส่วนผสมของสมุนไพรที่มีสรรพคุณช่วยขับเสมหะ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับคอ เช่น มะแว้ง มะขามป้อม 
  • นอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่ อย่านอนดึกหรืออดนอน 
  • พยายามนอนตะแคงหรือใช้หมอนคุณภาพดีหนุนคอให้สูง
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกายฟื้นตัวให้เร็วขึ้น